ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมานี้ ประเทศไทยได้มีการใช้เครนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวทางเศรษกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการก่อสร้างสาธารณูปโภค และสาธารณูปการต่างๆของภาครัฐ เช่น การก่อสร้างสนามบิน การก่อสร้างถนน และการขยายตัวของโรงงานอุตสาหกรรม การพัฒนาด้านการขนส่ง และการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชน ซึ่งในแต่ละส่วนภาคนั้นถือได้ว่ารถเครน มีส่วนสำคัญในการก่อสร้างการยกย้าย ติดตั้ง รวมทั้งการพัฒนาประเทศในรูปแบบต่าง ๆ
รถเครนซึ่งเป็นรถบรรทุกเฉพาะกิจ (ปั้นจั่น) ที่แตกต่างจากรถบรรทุกชนิดอื่นหรือรถพ่วง คือ มีตัวเครนหรือปั้นจั่นติดอยู่กับตัวรถ และมิได้นำไปบรรทุกสิ่งของรถประเภทนี้เป็นรถที่ใช้ยกสิ่งของหรือวัสดุ โดยเฉพาะในงานก่อสร้างโครงการต่าง ๆ เช่น สร้างอาคารสถานที่ ถนน สะพาน สนามบินสุวรรณภูมิ โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ที่เป็นทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน
รถเครนส่วนใหญ่ในประเทศไทย ได้ซื้อมาจากประเทศในแถบยุโรป เช่น เยอรมันนี ออสเตรีย และประเทศญี่ปุ่น โดยที่ประเทศเยอรมันถือเป็นต้นกำเนิดในการผลิตรถเครนที่นิยมใช้กันอยู่อย่างแพร่หลายทั่วโลก และในเวลาต่อมาประเทศญี่ปุ่นได้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น จึงเริ่มพัฒนาการผลิตรถเครนเป็นรายต่อมา เครนยุโรปที่ได้รับความนิยมในไทย เช่่น PALFINGER ของประเทศออสเตรีย และเครนญี่ปุ่น เช่น TADANO , KATO แต่ในปัจจุบันนี้มีตลาดการผลิตรถเครนเกิดขึ้นใหม่ล่าสุดคือที่ประเทศจีน โดยมีผู้ผลิตมากกว่า 100 ราย ที่กำลังแข่งขันกันผลิตรถเครน เพื่อนำสินค้าเข้าสู่ตลาดโลก รวมถึงเครนยุโรปหลายรุ่นก็เริ่มไปตั้งโรงงานที่จีนมากขึ้น เนื่องจากต้นทุนที่ถูกกว่า ดังนั้นจึงถือได้ว่าประเทศจีนเป็นคู่แข่งที่สำคัญอีกประเทศหนึ่งในอนาคต ซึ่งถือเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ
นิยามของคำว่า “เครน” ตามภาษาของทางราชการ เรียกว่า “ปั้นจั่น” “ปั้นจั่น” หมายความว่า เครื่องจักรกลที่ใช้ยกสิ่งของขึ้งลงตามแนวดิ่งและเคลื่อนย้าย สิ่งของเหล่านั้น ในลักษณะแขวนลอยตามแนวราบ
ประเภทของเครนในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1. ปั้นจั่นชนิดเคลื่อนที่ (Mobile Crane)
คือ ปั้นจั่นที่ประกอบด้วยอุปกรณ์ควบคุมและเครื่องต้นกำลังอยู่ในตัว ซึ่งติดตั้งอยู่บนยานที่ขับเคลื่อนในตัว ดังนี้
1.1 Rough Terrain เป็นรถเครนขนาดยาง 4 ล้อ มียางขนาดใหญ่ จึงสามารถใช้ความเร็วในการขับเคลื่อนได้ประมาณ 40 กม./ชม.
1.2 Truck Crane รถเครนที่มีล้อยางมากกว่า 4 ล้อ ขึ้นไป โดยสามารถใช้ความเร็วในการขับเคลื่อนได้ประมาณ 80 กม./ชม. แต่สามารถใช้เฉพาะเพลาหน้าในการเลี้ยว
1.3 All Terrain Crane รถเครนที่มีล้อยางมากกว่า 4 ล้อ ขึ้นไป โดยสามารถใช้ความเร็วในการขับเคลื่อนได้ประมาณ 80 กม./ชม. แต่สามารถใช้เพลาได้ทุกเพลาในการเลี้ยว
1.4 Crawler Crane เครนที่มีล้อเป็นตีนตะขาบ ไม่สามารถวิ่งบนท้องถนนได้ หากต้องการใช้งานต้องนำใส่รถเทรลเล่อร์ไป
1.5 Heavy Lift Crane เครนสำหรับยกของหนัก เป็นเครนที่ติดตั้งอยู่กับที่ ใช้ในหน่วยงานเท่านั้น ไม่สามารถเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้
2. ปั้นจั่นชนิดอยู่กับที่ (Stationary Crane)
คือ ปั้นจั่นที่ประกอบด้วยอุปกรณ์ควบคุมและเครื่องต้นกำลังอยู่ในตัว ซึ่งติดตั้งอยู่บนหอสูงขาตั้งหรือบนล้อเลื่อน
2.1 Tower Crane เครนหอสูงหรือปั้นจั่นหอสูง โดยทั่วไปมักใช้ก่อสร้างตึกสูงในเมือง
2.2 Overhead Crane เครนราง ส่วนใหญ่ใช้ที่ท่าเรือต่าง ๆ สำหรับลำเลียงตู้คอนเทนเนอร์
2.3 Semi Gantry Crane เครนขาสูงแบบข้างเดียว เป็นเครนที่ไว้ใช้งานในโรงงานเท่านั้น
2.4 Wall Crane- Jib Crane เครนติดผนัง โดยทั่วไปใช้ในการยกสิ่งของเบา ๆ ภายในห้องปฏิบัติการ
2.5 Gantry Crane เครนขาสูง มักพบการใช้งานอยู่ภายในโรงงาน เช่นโรงงานเหล็ก หรือ ท่าเรือ
2.6 Gantry Crane เครนที่ใช้บริเวณท่าเรือต่าง ๆ ทั่วโลก ใช้สำหรับยกตู้คอนเทรนเนอร์สินค้าขึ้น-ลงเรือ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: บทความวิชาการ ฉบับที่ 1 เรื่อง รถเครนในประเทศไทย โดย นายธงชัย เจริญรัชเดช